Skip to main content

ท่องโลกประวัติศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน นี่เป็นการเขียนบทความครั้งแรกของเรา เราขอแนะนำตัวก่อนเลยแล้วกัน เราชื่อนางสาวสุรจิตตา เวียงชัยภูมิ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งสาขาที่เราเรียนจะเรียนเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในมิติต่าง ๆ เช่น  ภาษา สังคม วัฒนธรรม รวมทั้งประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยวหรือสารสนเทศ
(นี่เราเอง รูปถ่ายตอนไปนครวัดที่ประเทศกัมพูชา ไปกับอาจารย์และเพื่อน ๆ ในสาขาเราเอง)

เราลืมบอกไปว่าสาขาเราไม่ได้มีแค่การเรียนในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว มีการลงไปศึกษาสถานที่จริง ลงพื้นที่แต่ละครั้งจะทำให้เราได้รับความรู้ที่มากกว่าในห้องเรียน ทั้งประสบการณ์ที่ได้สัมผัสจริง 
บอกเลยว่าสาขาที่เราเรียนสนุกมาก ๆ หากน้อง ๆ คนไหนที่กำลังสนใจในสาขานี้ ลองมาเรียนกันได้นะคะ มาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา พี่ ๆ ในสาขาก็ใจดีกันทุกคน 

แนะนำตัวมาพอประมาณแล้วเนาะ ก็ขอฝากติดตามเราด้วยน้า เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ น่าไปมีเยอะแยะเลย เผื่อจะช่วยในการตัดสินใจได้บ้าง

สุดท้ายนี้เราก็ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนี่เป็นการเขียนบล็อกครั้งแรกในชีวิตของเราเลยนะ มันก็จะแอบตื่นเต้นหน่อย ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วยน้า จะปรับปรุงแก้ไขต่อไป ขอบคุณค่ะ

Comments

Popular posts from this blog

ช้างเอราวัณ สัตว์วิเศษแห่งป่าหิมพานต์

สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาทุกคนมารู้จักช้างเอราวัณสัตว์วิเศษแห่งป่าหิมพานต์ จะยิ่งใหญ่และอลังการขนาดไหน ตามมาดูกันค่ะ เริ่มจากที่มาของ ชื่อช้างเอราวัณ   ในภาษาสาสกฤต เรียกช้างเอราวัณว่า ไอราวาต ไอราวณ ภาษาบาลี เรียกว่า เอราวณ ส่วนในภาษาไทยเรียกว่า ไอราพต ไอราวัต ไอราวัณ และเอราวัณ ชื่อต่างๆ ทั้งหมดนี้ มีความหมายถึง น้ำ เมฆฝน รุ้ง แปลรวมว่ากลุ่มก้อนเมฆที่มีฟ้าแลบ และทำให้เกิดฝนตก โดยมีความสอดคล้องที่ว่า พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณท่องเที่ยวไปบนสวรรค์ แล้วทรงโปรยฝนให้ตกลงมายังโลก (https://www.pinterest.com/search/pins/)                 ในเรื่องรามายณะและความเชื่อของศาสนาฮินดู เชื่อกันว่าพระอินทร์มีพาหนะเป็นช้าง 3 เชือก คือเอราวัณ (พระศิวะเป็นผู้ประทานให้) ,คีรีเมขล์ไตรดายุด (พระพรหมเป็นผู้ประทานให้) , เอกทันต์ พระวิศณุเป็นผู้ประทานให้ ช้างทั้ง 3 เชือก เอราวัณเป็นช้างที่พระอินทร์โปรดปรานมากที่สุดและมีกำลังมากที่สุด เชื่อกันว่าช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง               ลักษณะของช้างเอราวัณ ช้างเทพเจ้าจะปรากฏในลักษณะของสัตว์วิเศษ ดังบทความในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ของรัชการที

ป้อมซานติเอโก สถาปัตยกรรมที่งดงาม แห่งกรุงมะนิลา

สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาทุกคนไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ ที่รับประกันความฟินและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ จะขอพาทุกคนไปที่ประเทศฟิลิปปินส์ ที่กรุงมะนิลา สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือ “ป้อมซานติเอโก” (Fort Santiago) (https://www.tlcthai.com/travel/31206/.html/manila-cathedral) ประวัติความเป็นมา  ป้อมซานติเอโกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1571 เป็นด่าแรกที่ป้องกันข้าศึก นับเป็นป้อมปราการของสเปนที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ ใช้เป็นสถานที่คุมนักโทษ และใช้ที่กักขัง โฮเซ่ ไรซาล วีรบุรุษแห่งชาติ และยังเป็นที่กักขังนักรบเสรีภาพในช่วงเวลาการทำสงครามระหว่างการยึดครองของญี่ปุ่น  เมื่อสมัยโปรตุเกสยังยึดครองมะละกา ป้อมปราการแห่งนี้ถูกใช้งานเสมือนด่านป้องกันเมืองมะละกา จากการบุกรุกของศัตรู โดยป้อมนี้จะมีกำแพงยาวล้อมรอบเนินเขาเล็ก ๆ ชื่อว่าเนินเขามะละกา ซึ่งป้องแห่งนี้ได้ทำหน้าที่เป็นอย่างดีเป็นเวลานานถึง 150 ปี จนกระทั่งฮอลันดามายกทัพมาบุกรุกและยึดครองเมืองมะละกาได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1641 หลังจากฮอลันดายึดครองมะละกาจากชาวโปรตุเกสได้สำเร็จ จึงทำการซ่อมแซมกำแพงและป้อมปราการแห่งนี้ใ

ไปประตูไซนำน้องบ่

(https://www.govivigo.com/reviews/327-เวียงจันทน์-วังเวียง-ตามฉบับคนชอบเที่ยวแบบชิลล์ๆ-4-วัน-3-คืน) สวัสดีค่า วันนี้จะพาไปเที่ยวเมืองลาวกันเด้อ ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านเรา สถานที่ที่ไม่ควรพลาด นั้นก็คือ คือ คือ คือ ! ประตูไซ หรือ ประตูชัยนั้นเอง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่า มาเริ่ม ถามว่าประตูชัยคือที่ไหนสร้างเพื่ออะไร ตอบเลยว่า ประตูไซ ( Patuxai)  หรือ ประตูชัย เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญของประเทศลาวสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน  เพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้ที่เสียสละชีวิตในสงคราม ก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ความสวยงามของประตูชัย นั้นมีลักษณะสถาปัตยกรรม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นั่นเอง (http://www.amazingthaitour.com /คู่มือท่องเที่ยว/4-สถานที่ในเวียงจันทน์กับจุดท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาด/) ประตูไซตั้งอยู่บริเวณถนนล้านช้าง ตรงข้ามกับห้องว่าการรัฐบาล  (  ຫ້ອງວ່າການລັດຖະບານ  )  สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งวันและสามารถขึ้นไปยังชั้น  3  เพื่อชมวิวทิวทัศน์ของกรุงเวียงจันทน์ได้ โดยราคาค่าขึ้นชมคนละ  2,000  กีบสามารถเข้าชม