Skip to main content

โอ้โห! โฮโมอีเร็สตัส

สวัสดีค่ะทุกคน 

ห่างหายกันไปนาน และแล้วก็ได้ฤกษ์งามยามดีที่เราจะกลับมาพบกันอีกครั้ง ทุกคนเคยสงสัยกันไหมคะ ว่าบรรพบุรุษของเราเป็นใคร มาจากไหน และหน้าตาของพวกเขาจะเหมือนกัน กับเราไหม วันนี้ดิฉันจะพาทุก ๆ คน นั่งไทม์แมชชีน ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 200,000 ปีที่แล้วกันค่ะ

    มนุษย์เราในปัจจุบันแม้ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติ แต่รู้หรือไม่คะว่าแท้จริงแล้วเราคือมนุษย์สายพันธ์ุเดียวกันค่ะ ซึ่งนั่นก็คือสายพันธุ์ "โฮโม เซเปียนส์" นอกจากนี้เรายังมีญาติสายพันธุ์อื่น ๆ ร่วมทางกับเรามาด้วย แต่ญาติของเราเหล่านั้นไม่สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภูมิประเทศได้ จึงทำให้สูญพันธุ์ไป แต่สายพันธุ์โฮโม เซเปียนส์ สามารถปรับตัวทางวัฒนธรรมได้ดีที่สุดและสร้างวัฒนธรรมต่าง ๆ ได้มาก ลักษณะของโฮโม เซเปียนส์ คือ มีกะโหลกกลมสูง ท้ายทอยกลมมล หน้าผากชัน ส่วนกลางของใบหน้าลงมายื่นออกมามากเหมือนมนุษย์สายพันธ์ุอื่น ๆ 

    และนอกจากโฮโม เซเปียนส์แล้ว ยังมีมนุษย์โบราณสายพันธุ์อื่น ๆ อีกมากมาย ดิฉันจึงมีอีก 1 สายพันธุ์ที่ดิฉันสนใจนำมาเล่าให้ทุกคนฟังกันค่ะ นั่นก็คือ โฮโมอิเร็กตัส (Homo erectus บางครั้งเรียกว่า Homo ergaster) เป็นมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดที่รู้จักในยุคแรก


    ลักษณะร่างกายเหมือนมนุษย์สมัยใหม่ มีขาที่ค่อนข้างยาวและแขนสั้น ถือเป็นการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน มีความสามารถในการเดินและวิ่งในระยะทางไกล เมื่อเทียบกับมนุษย์โบราณรุ่นก่อน ๆ ให้สังเกตสมองที่มีขยายใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับขนาดของใบหน้า 

    มีการดำเนินชีวิตแบบ Hunter and Gatherer เป็นครั้งแรก(การล่าสัตว์และการเก็บพืชผัก) ซึ่งการล่าสัตว์ทำให้มนุษย์ได้เคลื่อนย้าย จึงทำให้เป็นเหตุผลให้มนุษย์มีการเคลื่อนย้ายถิ่นออกจากแอฟริกาซึ่งพบหลักฐานฟอสซิลโฮโม อีเร็สตัสใน แอฟริจาก ยุโรป และเอเชีย 

เครื่องมือเครื่องใช้

    มีการผลิตเครื่องมือหินที่มีชื่อเรียกว่า เครื่องมือหินอาชูเลี่ยน (ใช้วิธีการสกัดด้วยหินหรือเขาสัตว์) มีหลายแบบทั้งเป็นแผ่นสะเก็ดหินที่ใช้แล่เนื้อ  และหินแกนที่มีคมสองหน้าปลายแหลมคล้ายหอกมีความคมและมีประสิทธิภาพสูง 

การดำเนินชีวิต

รู้จักการใช้ไฟและรวมกลุ่มกันสร้างที่พักอาศัยตามฤดูกาล มีพื้นฐานการดำรงชีวิตอย่างมั่นคง

ซากดึกดำบรรพ์ที่ขุดค้นพบ ที่สมบูรณ์ที่สุดเรียกว่า Turkana Boy ซึ่งเป็นโครงกระดูกที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ซึ่งมีอายุประมาณ 1.6 ล้านปี

    เป็นอย่างไรกันบ้างคะ บรรพบุรุษของมนุษย์เรากว่าจะวิวัฒนาการมาจนถึงวันนี้ต้องใช้เวลานาน การศึกษาเพื่อเรียนรู้เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาจะช่วยให้เรามีความรู้ สามารถเล่าให้คนรอบข้างฟัง ว่าบรรพบุรุษของเราคือใครมาจากไหน และใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะวิวัฒนาการมาเป็นเราในปัจจุบัน ดิฉันขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองในช่วงนี้ด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ 

อ้างอิง

1. บ้านจอมยุทธ (2564)  พัฒนาการของมนุษย์ในยุคโฮโม อีเรคตัส, สืบค้นเมื่อ 6 สิงหาคม 2564. จาก https://www.baanjomyut.com/library_2/extension-1/human/05.html

2.  Smithsonian Museum of Natural History (2564) What does it mean to be Human? สืบค้นเมื่อ 6 สิงหาคม 2564. จาก https://humanorigins.si.edu/evidence/human-fossils/species/homo-erectus

3. Natural History Museum (2564) Homo erectus, our ancient ancestor สืบค้นเมื่อ 6 สิงหาคม 2564. จากhttps://www.nhm.ac.uk/discover/homo-erectus-our-ancient-ancestor.html

Comments

Popular posts from this blog

ช้างเอราวัณ สัตว์วิเศษแห่งป่าหิมพานต์

สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาทุกคนมารู้จักช้างเอราวัณสัตว์วิเศษแห่งป่าหิมพานต์ จะยิ่งใหญ่และอลังการขนาดไหน ตามมาดูกันค่ะ เริ่มจากที่มาของ ชื่อช้างเอราวัณ   ในภาษาสาสกฤต เรียกช้างเอราวัณว่า ไอราวาต ไอราวณ ภาษาบาลี เรียกว่า เอราวณ ส่วนในภาษาไทยเรียกว่า ไอราพต ไอราวัต ไอราวัณ และเอราวัณ ชื่อต่างๆ ทั้งหมดนี้ มีความหมายถึง น้ำ เมฆฝน รุ้ง แปลรวมว่ากลุ่มก้อนเมฆที่มีฟ้าแลบ และทำให้เกิดฝนตก โดยมีความสอดคล้องที่ว่า พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณท่องเที่ยวไปบนสวรรค์ แล้วทรงโปรยฝนให้ตกลงมายังโลก (https://www.pinterest.com/search/pins/)                 ในเรื่องรามายณะและความเชื่อของศาสนาฮินดู เชื่อกันว่าพระอินทร์มีพาหนะเป็นช้าง 3 เชือก คือเอราวัณ (พระศิวะเป็นผู้ประทานให้) ,คีรีเมขล์ไตรดายุด (พระพรหมเป็นผู้ประทานให้) , เอกทันต์ พระวิศณุเป็นผู้ประทานให้ ช้างทั้ง 3 เชือก เอราวัณเป็นช้างที่พระอินทร์โปรดปรานมากที่สุดและมีกำลังมากที่สุด เชื่อกันว่าช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง               ลักษณะของช้างเอราวัณ ช้างเทพเจ้าจะปรากฏในลักษณะของสัตว์วิเศษ ดังบทความในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ของรัชการที

ป้อมซานติเอโก สถาปัตยกรรมที่งดงาม แห่งกรุงมะนิลา

สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาทุกคนไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ ที่รับประกันความฟินและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ จะขอพาทุกคนไปที่ประเทศฟิลิปปินส์ ที่กรุงมะนิลา สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือ “ป้อมซานติเอโก” (Fort Santiago) (https://www.tlcthai.com/travel/31206/.html/manila-cathedral) ประวัติความเป็นมา  ป้อมซานติเอโกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1571 เป็นด่าแรกที่ป้องกันข้าศึก นับเป็นป้อมปราการของสเปนที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ ใช้เป็นสถานที่คุมนักโทษ และใช้ที่กักขัง โฮเซ่ ไรซาล วีรบุรุษแห่งชาติ และยังเป็นที่กักขังนักรบเสรีภาพในช่วงเวลาการทำสงครามระหว่างการยึดครองของญี่ปุ่น  เมื่อสมัยโปรตุเกสยังยึดครองมะละกา ป้อมปราการแห่งนี้ถูกใช้งานเสมือนด่านป้องกันเมืองมะละกา จากการบุกรุกของศัตรู โดยป้อมนี้จะมีกำแพงยาวล้อมรอบเนินเขาเล็ก ๆ ชื่อว่าเนินเขามะละกา ซึ่งป้องแห่งนี้ได้ทำหน้าที่เป็นอย่างดีเป็นเวลานานถึง 150 ปี จนกระทั่งฮอลันดามายกทัพมาบุกรุกและยึดครองเมืองมะละกาได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1641 หลังจากฮอลันดายึดครองมะละกาจากชาวโปรตุเกสได้สำเร็จ จึงทำการซ่อมแซมกำแพงและป้อมปราการแห่งนี้ใ

ไปประตูไซนำน้องบ่

(https://www.govivigo.com/reviews/327-เวียงจันทน์-วังเวียง-ตามฉบับคนชอบเที่ยวแบบชิลล์ๆ-4-วัน-3-คืน) สวัสดีค่า วันนี้จะพาไปเที่ยวเมืองลาวกันเด้อ ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านเรา สถานที่ที่ไม่ควรพลาด นั้นก็คือ คือ คือ คือ ! ประตูไซ หรือ ประตูชัยนั้นเอง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่า มาเริ่ม ถามว่าประตูชัยคือที่ไหนสร้างเพื่ออะไร ตอบเลยว่า ประตูไซ ( Patuxai)  หรือ ประตูชัย เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญของประเทศลาวสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน  เพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้ที่เสียสละชีวิตในสงคราม ก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ความสวยงามของประตูชัย นั้นมีลักษณะสถาปัตยกรรม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นั่นเอง (http://www.amazingthaitour.com /คู่มือท่องเที่ยว/4-สถานที่ในเวียงจันทน์กับจุดท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาด/) ประตูไซตั้งอยู่บริเวณถนนล้านช้าง ตรงข้ามกับห้องว่าการรัฐบาล  (  ຫ້ອງວ່າການລັດຖະບານ  )  สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งวันและสามารถขึ้นไปยังชั้น  3  เพื่อชมวิวทิวทัศน์ของกรุงเวียงจันทน์ได้ โดยราคาค่าขึ้นชมคนละ  2,000  กีบสามารถเข้าชม